ตาแดง... โรคระบาดหลังน้ำลด


ผู้อำนวยการสำนักระบาดวิทยา ได้ออกมาแสดงความเป็นห่วงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เพราะโรคตาแดงจะระบาดหลังจากที่ปริมาณน้ำลดลง และได้แนะนำว่าหากพบว่าลูกหลานหรือตนเองมีอาการเจ็บตา-ตาแดง ให้รีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน

นายแพทย์ภาสกร อัครเสวี ผู้อำนวยการสำนักระบาดวิทยา เปิดเผยว่า โรคตาแดง (Conjunctivitis) จะมีโอกาสระบาดได้ง่ายในช่วงหลังน้ำลด เพราะเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายมากับน้ำสกปรก เมื่อเราไปสัมผัสกับน้ำโดยเฉพาะนิ้วมือก็สามารถเข้าสู่ตาได้โดยการขยี้ ลักษณะอาการของโรคตาแดงจะเริ่มจากรู้สึกระคายเคืองตา ตาขาวจะเป็นสีแดงเรื่อๆ มีน้ำตาไหล เจ็บตา มักจะมีขี้ตามากร่วมด้วย ส่วนการป้องกันคืออย่าลงเล่นน้ำขัง ควรล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด และไม่ควรใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้ป่วยที่เป็นตาแดง

หากพบว่ามีอาการเจ็บตา ตาแดง มีขี้ตามาก ควรรีบไปพบแพทย์ในหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ หรือสถานีอนามัยที่อยู่ใกล้บ้านทันที ไม่ควรซื้อยาหยอดตามารักษาเองโดยเด็ดขาด เนื่องจากอาจจะไม่ได้ผลและอาจทำให้ดวงตาเกิดการอักเสบรุนแรงมากยิ่งขึ้น

เตือนภัยเสพติดยาสามัญประจำบ้าน


ไม่ได้มีเฉพาะยาเสพติดเท่านั้นที่จะทำให้คนที่ติดแล้วเลิกได้ยาก แม้แต่ยาสามัญประจำบ้านก็สามารถทำให้คนเสพติดได้เหมือนกัน ผู้เชี่ยวชาญชาวเยอรมันแจ้งว่า ได้มีชาวเยอรมันประมาณ 2 ล้านคน ที่ติดยาใช้ในการรักษาอาการของโรคต่างๆ อย่างเช่น

- ยาแก้ไอ ในยาแก้ไอจะมีสาร Codeine ซึ่งสารตัวนี้จะไปช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้นและหากกินติดต่อกันไปเป็นเวลานานๆ หรือกินปริมาณมากเกินไปก็จะทำให้ติดยาชนิดนี้ได้ ข้อแนะนำก็คือไม่ควรกินนานติดต่อกันเกินกว่า 5 วัน ถ้าหลีกเลี่ยงได้ควรเลี่ยงไปรักษาด้วยการดื่มน้ำมากๆ และอมยาแก้ไอแทน

- สเปรย์พ่นจมูก ตัวยาจะประกอบด้วยสาร Naphazoline สเปรย์พ่นจมูกควรใช้มากที่สุดได้ไม่เกิน 3 ครั้งในหนึ่งวันและไม่ควรพ่นจมูกนานติดต่อกันเกิน 5 วัน เพราะจะทำให้เนื้อเยื่อจมูกบวมอยู่ตลอดเวลาทั้งๆ ที่ไม่มีน้ำมูกแล้ว ข้อแนะนำก็คือ ให้ใช้ยาสเปรย์พ่นจมูกในปริมาณต่ำกับเด็กๆ และค่อยๆ เลิกใช้ แต่ยังไมีอีกทางเลือกเพื่อการรักษา ควรเลือกใช้สเปรย์จากน้ำเกลือจะดีกว่า

- ยาแก้ท้องผูก ในยาที่มีสารของ Natriumpicosulfate จะทำให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหวและขจัดของเสีย แต่ก็จะทำให้ลำไส้ขี้เกียจทำงานยิ่งขึ้นเพราะมีผู้ช่วย ดังนั้นไม่ควรกินยาถ่ายติดต่อกันเกิน 4 วันและควรอยู่ในการแนะนำของแพทย์ว่าควรกินได้แค่ไหน เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการกินยาชนิดนี้ ควรบริโภคผักและผลไม้ที่มีกากใยให้มากขึ้น ลดอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล และเนื้อสัตว์ลง ถ้าหากเป็นคนไม่ชอบกินจำพวกผัก อาจจะกินเม็ดแมงลักเพื่อใช้เป็นยาระบายเพิ่มกากได้ โดยใช้เม็ดแมงลักปริมาณ 1-2 ช้อนชา แช่ในน้ำหนึ่งแก้วจนพองตัวเต็มที่ กินก่อนนอน ถ้าเม็ดแมงลักพองตัวไม่เต็มที่ก็จะทำให้ท้องอืดและอุจจาระแข็ง เม็ดแมงลักที่พองตัวเต็มที่จะเพิ่มปริมาณอุจจาระและทำให้อุจจาระอ่อนตัวกว่าปกติ

- ยานอนหลับ ด้านนักวิชาการได้เตือนว่า ยานอนหลับ อย่างเช่น Nitrazepam จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของพลังงานที่สมองและจะทำให้ร่างกายต้องการยานอน หลับ ข้อแนะนำก็คือ ควรปรึกษาแพทย์ถึงตัวยาที่มีสารที่ให้ผลต่ำ อย่างเช่น Brotizolam และไม่ควรกินนานเกินกว่า 2-4 สัปดาห์ แต่ทางที่ดีเพื่อปราบอาการนอนไม่หลับได้ง่ายๆ ก็คือ ก่อนนอนควรอาบน้ำ ฟังเพลงเพราะๆ หรืออ่านหนังสือ ไม่ควรทานอาหารมากก่อนเข้านอน และควรงดดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อย่าตั้งนาฬิกาไว้ในห้องนอนเพราะการมองนาฬิกาบ่อยๆ ก็ทำให้นอนไม่หลับได้เหมือนกัน ก่อนนอนควรดื่มนมอุ่นๆ 1 แก้ว แล้วทำสมาธิ ทำจิตให้ว่าง ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ก็จะช่วยให้นอนหลับสบายได้

การทำงานเกินเวลามีผลให้เพิ่มอัตราการเสี่ยงโรคหัวใจ


นักวิจัยอังกฤษ เผยว่าการทำงานเกิน 11 ชั่วโมง ทำให้เพิ่มอัตราการเกิดโรคหัวใจถึงร้อยละ 67

นักวิจัยของมหาวิทยาลัยยูซีแอล ในประเทศอังกฤษ เปิดเผยถึงผลการวิจัยว่า การทำงานเกิน 11 ชั่วโมงต่อวัน จะไปเพิ่มอัตราเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจถึงร้อยละ 67 ทั้งนี้ทีมวิจัยได้ติดตามข้อมูลจากกลุ่มคนทำงาน 7,000 คน มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528

ผลจากการศึกษา ทำให้พบว่า เกินครึ่งหนึ่งของคนทำงานเกิน 11 ชั่วโมงต่อวัน จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจมากกว่าคนที่ทำงานในเวลาน้อยกว่า นอกจากนี้การทำงานล่วงเวลา ก็ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นสาเหตุการเกิดโรคหัวใจ

นักวิจัยยังได้แนะนำว่า ถ้าแพทย์นำเวลาการทำงานของคนไข้มาเป็นข้อมูลประกอบการรักษา อาจจะพบว่าคนไข้ที่เป็นหัวใจมาจากสาเหตุทำงานมากเกินไปถึง 6,000 คน จากจำนวนผู้ป่วยโรคหัวใจทั้งหมดในอังกฤษประมาณ 125,000 คนในแต่ละปี

จากผลการศึกษาดังกล่าว ทำให้นักวิจัยยังต้องหาคำตอบต่อไปอีกว่าการลดชั่วโมงทำงาน จะทำให้สุขภาพหัวใจดีขึ้นด้วยหรือไม่ และยังต้องทำการศึกษาเพิ่มไปอีก เพื่อยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างชั่วโมงการทำงานและโรคหัวใจ ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าอาจจะมีปัจจัยเสริมบางอย่าง ที่จะไปทำให้เกิดโรคอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องได้อีก เช่น ความดันโลหิตสูงที่ตรวจไม่พบ, ความเครียด, อารมณ์ซึมเศร้า หรืออารมณ์โกรธ

รู้หรือไม่ว่าสามารถเช็คสุขภาพหัวใจได้ที่เส้นรอบเอว


เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า โรคหัวใจนั้นเกิดจากปัจจัยเสี่ยงอยู่หลายประการอาทิ การสูบบุหรี่ ความเครียด ความดันโลหิตสูง ฯลฯ แต่บางคนยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองมีความเสี่ยงจะเป็นโรคหัวใจหรือเปล่า เรามีวิธีการง่ายๆที่จะสามารถเช็คความเสี่ยงจากโรคหัวใจของตัวเองได้ ด้วยการวัดเส้นรอบเอวของตัวเราเอง

ในหนังสือประชาชาติธุรกิจ ได้มีบทความบทหนึ่งของ ศ.น.พ.ปิยะมิตร ศรีธรา หัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจและหลอดเลือด คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ว่าปัจจุบันมีคนไทยป่วยด้วยโรคหัวใจได้เข้ารับการรักษาปีละกว่า 60,000 คน มีอัตราเพิ่มขึ้นมากกว่าเมื่อ 20 ปีก่อนถึง 50% ทั้งนี้เป็นผลมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการบริโภคอาหารที่เปลี่ยนแปลงไป

เวลานี้ได้มีข้อมูลใหม่ที่ระบุว่า การที่มีเอวใหญ่จะมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจเกิดขึ้นทันที!เพราะเส้นรอบเอวที่ใหญ่ขึ้น นั่นหมายถึงปริมาณไขมันในช่องท้องมีมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจมากกว่าคนปกติถึง 2 เท่าตัว แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า เอวของเราใหญ่เกินไปหรือไม่...

ได้มีวิธีคำนวณแบบง่ายๆ โดยเอาความสูงของตัวเองมาหาร 2 ถ้าผลลัพธ์ที่ได้น้อยกว่าเส้นรอบเอว ก็ถือได้ว่าเป็นคนที่มีเอวใหญ่แล้ว สาเหตุหลักที่ทำให้เอวใหญ่ขึ้น ก็เกิดมาจากพฤติกรรมการกิน ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากการกินแป้งและน้ำตาลในปริมาณมากเกินไป หลายคนอาจจะคิดว่าตัวเองได้ระวังเรื่องการรับประทานอาหารเหล่านี้แล้ว แต่ก็หลงลืมไปว่า อาหารหลายชนิดที่เรารับประทานเข้าไปนั้นได้มีน้ำตาลแฝงตัวอยู่ โดยเฉพาะเครื่องดื่มและผลไม้บางชนิด

สำหรับน้ำมันนั้นหลายคนคิดว่าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการอ้วน แต่ยังมีน้ำมันอีกหลายชนิดที่เราสามารถบริโภคได้ โดยเฉพาะน้ำมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวในปริมาณที่สูง เช่น น้ำมันงาน้ำมันมะกอก น้ำมันคาโบนาล่าฯลฯ ซึ่งน้ำมันเหล่านี้มีสารสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

ส่วนน้ำมันที่มีปริมาณกรดไขมันอิ่มตัวสูงเช่น น้ำมันหมู น้ำมันมะพร้าวกลั่นเย็นที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ ถือว่ายังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันได้ว่า การทานน้ำมันชนิดนี้แล้วจะดีต่อร่างกาย ดังนั้น จึงควรพิจารณาให้รอบคอบในการเลือกซื้อมาไว้บริโภค

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ รวมทั้งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต เพราะขนาดรอบเอวที่สมส่วนจะสัมพันธ์กับหัวใจที่แข็งแรง เพราะเส้นรอบเอวที่ใหญ่ขึ้น นั่นหมายถึงไขมันในช่องท้องมีมากขึ้นซึ่งจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจมากกว่าปกติได้ถึง 2 เท่า

มากินแตงกวาดับร้อนกันดีกว่า



คุณทราบหรือไม่ว่าในแตงกวานั้นได้มีน้ำเป็นส่วนประกอบในปริมาณมากถึง 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ ในสมัยก่อนเวลาจะเดินทางไปไหนยามอากาศร้อนๆ การที่จะต้องพกพาน้ำไปไหนต่อไหนด้วยเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบาก ดังนั้นคนสมัยก่อนจึงมักจะกินแตงกวาเพื่อดับกระหาย แถมเมื่อกินแตงกวาแล้วร่างกายก็จะเย็นลงด้วย

คนในยุคโบราณไม่ว่าจะไทย จีน หรืออินเดีย มีความเห็นที่ตรงกันว่าแตงกวาเป็นยาเย็น ผลของแตงกวาจึงถูกนำมาใช้เป็นยาแก้ร้อนใน ดับกระหายน้ำ ไม่เฉพาะผลเท่านั้นทั้งใบ เถา และรากแตงกวาก็เป็นยาเย็นได้เหมือนๆ กัน

นอกจากนั้นผลของแตงกวา ยังสามารถนำมาใช้เพื่อแก้อาการเจ็บคอ บรรเทาอาการหวัดที่เกิดยามอากาศเปลี่ยนเป็นร้อน และขับปัสสาวะให้ร่างกายคลายร้อนได้เป็นอย่างดีด้วย

น้ำคั้นจากผลของแตงกวาสามารถนำมาดื่มเพื่อลดน้ำตาลในเลือด แก้กรดไหลย้อน และขับปัสสาวะได้ดี

ผลแตงกวาส่วนหัวที่ติดกับขั้วมักจะมีรสขม คนส่วนใหญ่มักจะไม่นิยมกินกัน ในการเก็บแตงกวาเวลาเด็ดก้านออก จะพบว่ามียางสีขาวๆ ไหลออกมา จึงมักจะนำส่วนขั้วไปถูกระตุ้นให้ยางและความขมของมันออกมาให้มากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการลดความขมในเนื้อแตง แต่ความจริงแล้วความขมของแตงกวา ก็คือสารชนิดหนึ่งชื่อเรียกว่าคิวเคอร์บิตาซิน จากการนำสารตัวนี้ไปทดลองในสัตว์ให้ผลที่น่าสนใจ คือมีฤทธิ์ในการต่อต้านการเจริญเติบโตของเนื้องอก

เมล็ดของแตงกวามีฤทธิ์ในการช่วยขับปัสสาวะ แต่มีพิวรีนสูงหากใครที่เป็นโรคเกาต์ มียูริกในร่างกายสูง จึงไม่ควรกินเมล็ดของแตง แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้หรือว่าอยากกินแตงกวาก็สามารถกินได้ แต่ควรขูดเอาไส้และเมล็ดทิ้งเสียก่อนจึงจะกินได้

เมื่อทราบสรรพคุณที่มีอยู่มากมายในแตงกวาแล้ว อากาศร้อนๆ อย่างบ้านเราจึงอยากแนะนำให้หันมากินแตงกวากันให้มากๆ ดีกว่าค่ะ นอกจากสุขภาพดีแล้วยังช่วยเกษตรกรของเราให้มีรายได้ รักไทยกินของไทยดีกว่าค่ะ

 
Design by Pitchaya.net | Bloggerized by สูตรอาหาร | ขายลำไยอบแห้ง ลองกานอยด์ Health Lover นิ้วล็อค สารสกัดงาดำ เอมมูร่า เซซามิน