ซีสต์ แทบจะถือว่าเป็นโรคท๊อปฮิตของสาวๆ เลย ยิ่งดาราสาวบ้านเมืองเรา เดี๋ยวคนนั้นก็เป็นเดี๋ยวคนนี้ก็เป็น ถึงจะดูไม่ร้ายแรงอะไร แต่มาลองทำความรู้จักกันหน่อยจะดีกว่า คำว่าซีสต์ (Cyst) แปลว่า ถุงน้ำ ซึ่งผู้หญิงทุกคนที่มีประจำเดือนจะต้องมีซีสต์ที่ว่านี้ มันคือถุงน้ำที่จะคอยสร้างฮอร์โมน หลังจากที่ไข่แต่ละใบที่ถูกเลือกในทุกๆ เดือนมีการตกไข่หรือเรียกว่าช่วงมีประจำเดือนนั่นเอง เมื่อประจำเดือนหมด ถุงน้ำหรือซีสต์นั้นก็จะยุบและสลายไปเอง ซึ่งซีสต์ที่เรียกว่าซีสต์ที่เป็นปกติ
ส่วนซีสต์ที่ไม่ปกติก็คือ ซีสต์ที่ต้องกำจัดออก เพราะมันจะไม่ยุบตามรอบประจำเดือนเหมือนซีสต์ปิติที่มีทุกเดือน ซีสต์ไม่ปกติเกิดขึ้นได้ทั้งที่ปากมดลูกและรังไข่ แต่เราจะพูดถึงเฉพาะซีสต์ที่เกิดขึ้นในรังไข่ เพราะซีสต์ที่เกิดที่มากมดลูกนั้น ถือเป็นซีสต์ที่ไม่สำคัญไม่เป็นมะเร็ง ซีสต์ที่ไม่ปกติที่รังไข่นั้นก็มีทั้งที่เป็นมะเร็งและไม่เป็นมะเร็งและมีซีสต์หลายประเภทมากๆ แต่ที่เป็นกันมากคือ เดอมอยซีสต์ และช็อคโกแลตซีสต์ เป็นซีสต์ขนาดเล็กที่ไม่พัฒนาเป็นมะเร็ง ส่วนซีสที่จะพัฒนาเป็นมะเร็ง จะก้อนใหญ่มากๆ ในบางรายอาจใหญ่ได้เท่าคนท้อง 5 เดือน
ซีสต์ เชื่อกันว่าเกิดจากพฤติกรรมการกินการใช้ชีวิตหรือการมีเพศสัมพันธ์ แต่ความจริงแล้ว ซีสต์ไม่มีสาเหตุ ไม่ได้เกิดจากสาเหตุใดทั้งสิ้น ซีสต์นั้นเกิดขึ้นได้เองและป้องกันไม่ได้ด้วย และมีเปอร์เซ็นต์น้อยมากๆ ที่เกิดจากพันธุกรรม ซีสต์บางประเภทเท่านั้นที่จะเกิดจากพันธุกรรม
ส่วนใหญ่เราจะไม่ค่อยรู้ว่าเราเป็นซีสต์หรือไม่เป็น นอกจากจะบังเอิญตรวจเจอ แต่ก็มีบ้างที่มีอาการท้องอืด พุงป่อง แต่นี่คือกรณีที่ซีสต์มีขนาดใหญ่มากแล้ว และเป็นซีสที่อาจเป็นมะเร็ง เพราะจะเติบโตได้เร็วกว่าซีสต์ที่ไม่เป็นมะเร็ง ฉะนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณผู้หญิงทุกคนจึงควรจะตรวจสุขภาพเสมอๆ เพื่อจะได้ตรวจเช็คด้วยว่ามีซีสต์หรือเปล่า และรีบรักษาได้เร็วที่สุด
วิธีการรักษาซีสต์ ก็เริ่มจากเมื่อเราตรวจเจอและแน่ใจว่าเป็นซีสต์ที่ไม่ปกติอยู่ ก็ต้องดูอีกทีว่าเป็นซีสประเภทไหนกันแน่ เป็นมะเร็งหรือไม่เป็นมะเร็ง ถ้าเป็นมะเร็ง ก็เป็นการรักษาในรูปแบบของมะเร็ง แต่ถ้าไม่เป็นมะเร็ง ก็จะรักษาโดยการผ่าตัดออก ซึ่งเป็นวิธีเดียวเท่านั้น บางคนจะเข้าใจว่ามีการกินยาเพื่อรักษาหรือสลายซีสต์ออก ซึ่งถือว่าเป็นความเข้าใจที่ผิด มีวิธีรักษาอย่างเดียวเท่านั้นคือกำจัดมันออกไป เพียงแต่ การผ่าตัดนี้สามารถทำได้ 2 แบบคือ ผ่าแบบส่องกล้อง กับผ่าแบบเปิดหน้าท้อง ซึ่งก็แล้วแต่ความต้องการของคนไข้และความถนัดของแพทย์