Showing posts with label วิธีการรักษา. Show all posts
Showing posts with label วิธีการรักษา. Show all posts

อาการปวดไหล่


อาการปวดไหล่ที่พบได้บ่อยจะมีอยู่ 2 ชนิด
1. ชนิดเฉียบพลัน มักจะเป็นอาการปวดไหล่ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่จะเป็นการปวดแบบชั่วคราว เมื่อรับการรักษาก็จะเห็นผลได้เร็ว
2. ชนิดเรื้อรัง อาการปวดไหล่ชนิดนี้มักจะเป็นๆ หายๆ และจะเป็นได้นาน การรักษาไม่ค่อยจะได้ผลที่แน่นอน

สาเหตุของการปวดไหล่ที่พบได้บ่อย
1. เกิดจากเอ็นอักเสบ เอ็นมีหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างกระดูกกับกล้ามเนื้อ เมื่อเอ็นบริเวณนั้นได้รับการกระทบกระเทือนหรือมีการออกแรงมากเกินไป มักจะเกิดการฉีกขาด และมีการอักเสบร่วม ทำให้รู้สึกปวดมากเมื่อมีการเคลื่อนไหวไหล่ ในบางรายไม่สามารถเคลื่อนไหวไหล่ได้เลย อาการเช่นนี้มักเกิดกับนักกีฬา หรือคนทำงานแบกหาม
2. เกิดจากกล้ามเนื้อและเอ็นเสื่อมสภาพ มักพบมากในผู้สูงอายุ เพราะเมื่ออายุมากขึ้นเอ็นและกล้ามเนื้อที่ใช้มานานจะเสื่อมสภาพลง ส่วนที่พบบ่อยที่สุดคือ กล้ามเนื้อและเอ็นที่มีหน้าที่หมุนหัวไหล่ หรือที่เรียกว่า Rotator Cuff
3. เกิดจากถุงหุ้มข้ออักเสบ ถุงหุ้มข้อเป็นอวัยวะที่อยู่ระหว่างกระดูก เอ็น กล้มเนื้อ มีหน้าที่ลดการเสียดสีระหว่างกระดูกและอวัยวะดังกล่าว เมื่อถุงหุ้มข้อได้รับแรงกระแทกมากเกินไป ถุงหุ้มข้อที่ลื่นและช่วยหล่อลื่นข้อจะเกิดการอักเสบ เกิดการฝืด ทำให้ข้อไหล่เคลื่อนไหวผิดปกติ หรือเคลื่อนไหวไม่ได้
4. เกิดจากข้ออักเสบ เป็นการอักเสบที่เกิดขึ้นในข้อไหล่ เนื่องจากมีการแตกของกระดูกอ่อนที่คลุมข้อ ทำให้เกิดอาการปวด บวม และเคลื่อนไหวข้อไหล่ได้ลำบาก
5. เกิดจากสาเหตุอื่นๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวกับข้อไหล่ แต่เนื่องจากข้อไหล่เกี่ยวข้องกับเส้นประสาทและกระดูกคอ ดังนั้นหากมีเส้นประสาทที่อยู่ใกล้ข้อไหล่อักเสบ หรือกระดูกต้นคอทับเส้นประสาท ก็อาจทำให้เกิดอาการปวดไหล่ได้เช่นกัน

วิธีรักษาอาการปวดไหล่เบื้องต้นด้วยตัวเอง
1. ควรพักการใช้ข้อไหล่ เมื่อไม่ให้มีการขยับเขยื้อนไหล่ ซึ่งจะทำให้การปวดไหล่ที่เกิดจากสาเหตุการอักเสบดีขึ้น แต่ไม่ควรพักนานเกินไป อาจทำให้เกิดข้อไหล่ติดได้
2. ควรประคบเย็น กรณีที่ปวดไหล่เฉียบพลันภายใน 24 ชม. การประคบเย็นจะช่วยลดอาการปวดบวมของไหล่ได้ หากปวดนานเกิน 24 ชม. การประคบร้อนจะช่วยลดอาการปวดบวมของไหล่ได้เช่นกัน การประคบร้อนควรหลีกเลี่ยงในรายที่สงสัยว่ามีการติดเชื้อบริเวณข้อ
3. ใช้ยาแก้ปวด ควรปรึกษาเภสัชกรในการเลือกใช้ยา ซึ่งจะได้ผลในกรณีที่มีการอักเสบเกิดขึ้น แต่จะไม่ได้ผลหรือได้ผลน้อย ถ้าอาการปวดไหล่เกิดจากการเสื่อมสภาพทางข้อไหล่

หากรักษาด้วยวิธีเบื้องต้นแล้วไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาในเชิงลึกอย่างถูกต้องต่อไป

โรคเริมที่ปาก ( herpes labialis )


โรคนี้ถือได้ว่าเป็นโรคประจำตัวของเจ้าของบล๊อคนี้เลยค่ะ เป็นทีไรแทบไม่อยากออกจากบ้านไปพบปะกับผู้คนเลย รู้สึกอายมากๆ และกลัวคนอื่นเค้าจะรังเกียจด้วย เวลาเป็นเราก็จะซื้อยาที่ใช้สำหรับทาแผลในปากมาทาก็จะหายเหมือนกันแต่ใช้เวลานานเกือบเป็นอาทิตย์ เราอยากหายจากการเป็นโรคนี้มากเลย เราไปค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตจึงทราบทำให้ทราบว่า เริมที่ริมฝีปากเกิดจากเชื้อ herpes จะมีลักษณะเป็นตุ่มใสๆ เล็กบริเวณริมฝีปาก ปาก เหงือกและมีอาการปวด

สาเหตุของโรคเริมที่ปาก เกิดจากการติดเชื้อ herpes simplex type 1 สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อชนิดนี้ครั้งแรกอาจจะไม่แสดงอาการหรือเกิดตุ่มใส เพราะเชื้อนั้นจะไปยังปมประสาทแลจะะอยู่โดยไม่มีการแบ่งตัว จนเมื่อมีสภาวะแวดล้อมเหมาะสมเชื้อจะทำการแบ่งตัวและทำให้เกิดตุ่มใสที่ปากลักษณะเป็นกลุ่มของตุ่มน้ำใส แสบและคันเล็กน้อย ตุ่มน้ำใสนี้จะแตกออกง่ายแล้วตกสะเก็ด และจะหายไปในเวลาประมาณ 7-8 วัน ก่อนจะเกิดตุ่มน้ำใสขึ้น ผู้ป่วยอาจจะรู้สึกมีอาการตึงๆ ร้อนวูบวาบบริเวณริมฝีปากก่อน สำหรับผู้ป่วยบางรายอาการครั้งแรกอาจจะรุนแรงเลย โดยจะมีแผลตุ่มน้ำจำนวนมาก มีไข้ ต่อมน้ำเหลืองโตได้ หลังจากอาการหายแล้ว เชื้อไวรัสจะหลบซ่อนอยู่ภายในปมประสาท ต่อมาเมื่อร่างกายอ่อนแอลง มีอารมณ์เครียด หรือว่าถูกแสงแดดมากๆ เชื้อไวรัสชนิดนี้ก็จะออกจากปมประสาทมายังบริเวณที่เคยมีอาการติดเชื้อครั้งแรก ทำให้โรคนี้เป็นๆ หายๆ อยู่บ่อยๆ โดยทั่วไปการติดเชื้อเริมมักจะไม่รุนแรง แต่สำหรับในคนที่มีภูต้านทานต่ำกว่าปกติ เช่น คนที่กำลังได้รับยารักษาโรคมะเร็งหรือกำลังได้รับการฉายรังสี เป็นต้น อาการที่เป็นอาจรุนแรงได้

การติดต่อของเชื้อ จะติดต่อโดยการสัมผัสโดยตรง เช่นการจูบ หรือการใช้ของร่วมส่วนตัวร่วมกัน อย่างการใช้ใบมีดโกน การใช้ผ้าเช็ดหน้าร่วมกัน หลังจากที่ได้รับเชื้อนี้ไปประมาณ 7-10 วัน อาการก็จะเริ่มออก คือจะรู้สึกแสบร้อนริมฝีปากและตามด้วยตุ่มใสเล็กๆ ตุ่มใสนี้จะอยู่เป็นเวลา 7-10 วันแล้วจึงเริ่มหาย

พอเราอ่านเจอแบบนี้แล้วก็รู้เลยว่าโรคนี้จะอยู่กับเราจนกว่าเราจะตายนั่นแหละ เบื่อจริงๆ เลย แต่อย่างน้อยในการค้นหาข้อครั้งนี้ก็ไม่ถึงกับเปล่าประโยชน์ซะทีเดียว บังเอิญเราไปอ่านเจอกระทู้อยู่กระทู้หนึ่งที่เจ้าของเคยมีประสบเช่นเดียวกับเราและเค้ารู้จักวิธีป้องกันและวิธีรักษาให้หายเร็วขึ้น

วิธีป้องกัน ถ้าเราต้องอยู่ในที่ที่มีแสงแดดมากๆ ก็จะไปกระตุ้นให้เชื้อแสดงอาการออกมาได้ง่าย การทาลิปมันป้องกันรังสียูวีจากแสงแดดก็จะสามารถช่วยได้

วิธีการรักษา ให้หายเร็วขึ้น ถ้าเรารู้สึกว่าจะเริ่มมีอาการให้รีบใช้น้ำแข็งจี้ตรงจุดที่เกิดอาการเป็นเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ก็จะสามารถช่วยลดอาการบวมของตุ่มอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นซื้อยา Vilerm มาทา ควรทาทุกๆ 2-3 ชั่วโมง และทานยาแก้อักเสบวันละ 3 เวลา พอวันที่สองก็จะตกสะเก็ด วันที่สามหรือสี่ก็จะหายเป็นปกติและที่สำคัญที่สุดควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอและไม่เครียดกับอาการที่เป็น ถึงแม้เราจะไม่หายขาดจากโรคนี้ซะทีเดียวแต่แค่นี้ก็พอจะให้เราอยู่กับเริมอย่างเป็นทุกข์น้อยลง

 
Design by Pitchaya.net | Bloggerized by สูตรอาหาร | ขายลำไยอบแห้ง ลองกานอยด์ Health Lover นิ้วล็อค สารสกัดงาดำ เอมมูร่า เซซามิน